สวัสดีครับ ชาวเรือทุกท่าน
วันนี้ฐานทัพเรือวังน้อย ขึ้นระวางประจำการ เรือพิฆาตคุ้มกัน Noshiro แห่งกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นครับ
มารู้จักประวัติกันซักเล็กน้อย
เรือพิฆาตคุ้มกัน Noshiro เป็นเรือพิฆาตคุ้มกันชั้น Chikugo มีพี่น้องร่วมสายการผลิตทั้งหมด 11 ลำ โดย Noshiro เป็นลำสุดท้าย ได้หมายเลขประจำเรือมาคือ 225 วางกระดูกงูวันที่ 27 มกราคม 1976 ปล่อยเรือลงน้ำ 23 ธันวาคม 1976 ใช้เวลาต่อเรือเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น และขึ้นระวางประจำการในวันที่ 30 มิถุนายน 1977 เรียกว่า ตั้งแต่วางกระดูกงูถึงขึ้นระวางประจำการ ใช้เวลาแค่ปีครึ่งเท่านั้นเอง เร็วมาก อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นนี่ไม่ธรรมดา
เรือชั้นนี้ มีภารกิจหลักคือ ASW (ASW-Anti Submarine Warfare) เป็นเรือปราบเรือดำน้ำให้แก่กองเรือ พัฒนาระบบทุกอย่างมาจากเรือพิฆาตชั้น ISUZU ซึ่งเป็นเรือรุ่นพี่อีกทีนึง ทำให้เรือชั้นนี้ ครบเครื่องเรื่องปราบเรือดำน้ำ
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของเรือชั้นนี้ประกอบไปด้วยเรด้าร์พื้นน้ำ OPS14 ที่แสนจะหาข้อมูลยากเย็น สรุปก็คือมันเป็นเรด้าร์พื้นน้ำที่พัฒนาโดยบริษัทมิตซูบิชิอิเล็กทริคซ์ เมดอินเจแปนร้อยเปอร์เซ็นต์ ท้ายเรือมีระบบโซน่าร์ลากท้าย SQS--35 รูปร่างเหมือนปลาบู่สีเหลือง ๆ ที่ท้ายเรือ ที่ตอนแรกผมกับน้าหยกคิดว่ามันคือ พาราเวน โมเดิร์น แต่ที่จริงมันคือโซน่าร์เอาไว้ดักจับเรือดำน้ำครับ ซึ่งแท้จริงแล้ว เรือชั้นพุทธฯ ทั้งสองลำก็มีระบบนี้ติดตั้งอยู่เช่นกัน (น่าจะมี เพราะเป็นมาตรฐานของเรือชั้น Knox ยกเว้นตอนซื้อเรือมะกันมันไม่ให้มาเท่านั้น)
ระบบอาวุธมีปืนใหญ่เรือขนาด 3 นิ้ว MK33 แท่นคู่ ที่หัวเรือ 1 แท่น ท้ายเรือมีปืน ปตอ.ขนาด 40 มม.ของ Bofos อีก 1 แท่น กลางลำมีแท่นยิงจรวดปราบเรือดำน้ำ ASROC 1 แท่น และมีตอร์ปิโด Type 13 แฝด 3 อีกสองแท่น
มาดูขนาดเรือกันบ้างครับ เรือชั้นนี้ มีขนาดเล็กกว่า ร.ล.เจ้าพระยาของเราซะอีก (แต่ของเราสมรรถนะสูงกว่า อิอิ ก็แหงละ มันออกมาทีหลัง) นั่นคือ กว้าง 10.8 เมตร ยาว 93 เมตร ระวางขับน้ำเต็มที่ 1800 ตัน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 เครื่อง ปั่นใบจักร 2 เพลา รีดความเร็วออกมาได้ 25 น๊อต ระยะปฏิบัติการอยู่ที่ 5500 ไมล์ทะเล ที่ความเร็วยี่สิบน๊อต ใช้กำลังพล 165 คน
ข้อมูลของเรือ หายากถึงยากมากที่สุด ภาพอ้างอิงก็หายาก มีอยู่ไม่กี่ภาพ ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กด้วย เรือเองเป็นเรือเก่าก็จริง แต่ก็อยู่ในประจำการนานถึงสามสิบกว่าปี ลำสุดท้ายที่ปลดประจำการไป คือ Noshiro ที่ทำอยู่นี้ ปลดเมื่อปี 2003 ก็ประมาณเก้าปีมาแล้ว
เกร็ดความรู้ปนข้อสงสัยนิดหน่อย คือ ฝรั่งจัดเรือชั้นนี้ว่าเป็นเรือฟริเกต (ซึ่งตามขนาดมันก็น่าจะเป็นแบบนั้น) แต่ญี่ปุ่นกลับจัดเรือพวกนี้ไว้เป็นเรือพิฆาตทั้งหมด ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว เรือระดับนี้ของ ทร.ไทย แทบทั้งหมดตั้งแต่เรือชุด ร.ล.นเรศวร เรือพุทธฯ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติของเรือพิฆาตขนาดเบาทั้งสิ้น แต่ไหงเป็นได้แค่ระดับฟริเกต อันนี้คงเป็นเพราะเรื่องประเภทของเรือและในเรื่องของการจัดขนาดกองทัพแน่ ๆ (เดาว่ายังงั้น) เพราะดูจากข้อกำหนดในการตั้งชื่อเรือของ ทร.ไทย เรือที่ตั้งชื่อตามบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ที่มีวีรกรรมในการรบ จัดเป็นประเภทเรือพิฆาต มันสอดคล้องกับการตั้งชื่อของ ร.ล.นเรศวร, ตากสิน, พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพุทธเลิศหล้านภาลัย ทั้งสี่ลำนี้ ทร.ไทยจัดเธอเป็นเรือพิฆาตหรือเปล่า แต่ในการปฏิบัติการร่วมก็จัดเป็นฟริเกต
ก็คงเหมือนกับเรือพิฆาตชั้น อะเดเลด ของ ทร.ออสเตรเลีย ที่เป็นเรือฟริเกตชั้น Oliver Hazard Perry นั่นไง
ข้อสังเกต เรือรบญี่ปุ่นยุคใหม่นี่ มันสะอาดจริง ๆ นะ หาคราบอะไรแทบไม่เจอเลยอ่ะ
อันนี้เป็นภาพลายเส้น แสดงส่วนเรด้าร์ต่าง ๆ
จบเรื่องของประวัติมาสู่ข้อมูลโมกันบ้าง
โมตัวนี้เป็นบล็อกโบราณของพิทโรด เจ้าพ่อเรืออันดับหนึ่งของโลก หน้ากล่องวาดสวยงาม เรือลำนี้หน้ากล่องเป็น DE-223 Yoshino ผมจัดการสั่งซื้อเรือลำนี้โดยพี่แพนด้าจัดการให้ (แต่จนบัดนี้ เรือยังมาไม่ถึงและอาจจะโดนภาษีร่วมกันกับพี่ซันนี่เค และตาอาตมา อิอิ) จึงได้น้าหยก ซึ่งมีเรือลำนี้ไว้ครอบครองมาก่อน ทำการส่ง EMS มาให้วังน้อยทำการทดลองก่อนเป็นคนแรก อิอิ
เปิดกล่องมา ชิ้นส่วนมีสองแผง แผงแรกเป็นตัวเรือและชิ้นส่วนหลัก ๆ แต่แผงที่สองนี่เป็นระบบอาวุธรวมถึงไปถึงอากาศยานของญี่ปุ่นที่แถมมาทั้งสิ้น ประมาณว่าพิทโรดไม่มีอะไรจะยัดมาให้เต็มกล่อง ก็เลยแถมพวกนี้มาให้ เพียบเลย ทำสนามบินขนาด 1/700 ได้ทันที
การประกอบส่วนมากก็ลงตัวดี มีขัดถูบ้างเป็นส่วนน้อย พอการทำสี เรื่องสีนี่ ผมกำลังวิจัยกับน้าหยกถึงสูตรสำเร็จในการผสมสีเรือญี่ปุ่น ซึ่งบัดนี้ก็ยังไม่ลงตัว เดี๋ยวพอไปดูวันมีตติ้ง จะเห็นเรือผมกับเรือน้าหยกเป็นคนละสีกันเลยทีเดียว คาดว่าอีกไม่เกินสองลำ สูตรสีน่าจะลงตัว อิอิ
ดีคอลพิทโรด ต้องมองให้ดี ๆ เพราะดีคอลที่ให้มาดูเหมือนเยอะ ทำได้ทั้ง 11 ลำ แต่บางจุด ดีคอลไม่ละเอียดพอ ทำให้ต้องมีการกรีด ตัดกันพอสมควร และดีคอลพิทโรด ไม่ถูกกันกับเคลียร์หนา ๆ อย่างมาก ต้องพ่นบาง ๆ ทีละรอบ ๆ อย่างใจเย็น งานถึงจะจบได้ ถ้าพ่นหนาแต่แรก ดีคอลจะโดนเคลียร์กัดจนย่นเลยทีเดียวครับ ระวังไว้หน่อย
ประกอบเสร็จเป็นลำได้เรียบร้อยสมบูรณ์ ได้เรือญี่ปุ่นไว้ประจำการอีก 1 ลำครับ
ใช้เวลาประมาณวันละ 1 ชม. พักตาจากทำอย่างอื่น รวมทั้งสิ้น 9 วันครับ ก็ประมาณ สิบชั่วโมงกว่า ๆ เห็นจะได้
ท้ายนี้ขอขอบคุณ
1.พี่แพนด้า ที่หาเรือมาให้เล่นครับ
2.น้าหยก ส่งเรือมาให้ผมเล่นก่อน ขอบคุณมากครับ
3.ตาอาตมา ถ้าไม่ได้สายไฟฮาร์ดดิสก์ของแก เรือฉันไม่มีเชือกนะเนี๊ยะ
4.พี่วิทย์ สำหรับหนังสืออ้างอิงเรือโมเดิร์นญี่ปุ่นที่ผมยืมมาดองไว้สองปีแล้ว อิอิ
5.น้านนท์ที่ช่วยหาภาพมาประกอบให้ผมก่อนจะใส่ดีเทล ได้ภาพชุดหลังมาช่วยได้เยอะครับ
ยินดีน้อมรับคำติชมจากทุกท่าน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม
ด้วยความคารวะ
ครูชนบท
