ปล.บางทีเนื้อหาที่มันลึกซึ้งอย่างงี้ คนในประเทศเค้าอาจจะเข้าใจกันได้ง่าย (มั้ง) 5555
ไม่หรอกครับ เนื้อเรื่องเนื้อหามันดี แต่การนำเสนอในเนื้อเรื่องจริงๆแผล่มมานิดเดียว ใครมันจะไปรู้ฟระ
อย่างกันดั้มยูนิคอร์น บทสัมภาษย์ผู้กำกับเกี่ยวกับตอนจบเรื่องของฟรอนทอล (สปอย ลากเอา)
ที่ว่าทำไมจบไม่เหมือนนิยาย เฮียแกก็บอกว่า ในฉบับจบของนิยาย มันคือการ "ขับไล่สิ่งชั่วร้าย" โดยการโดนดับเบิลยูนิคอร์นรุมสกรัม แต่สำหรับการตีความของภาค OVA ตอนจบของฟรอนทอลคือการ "ไปสู่สุขคติ"
ดังที่กล่าวมา สิ่งที่ฟรอนทอลต้องการไม่ใช่การชนะด้วยกำลัง แต่ต้องการชนะด้วยเหตุและผล กล่าวคือฟรอนทอลตอนสู้กับบานาน่าไม่เคยเอาจริงเลยซักครั้ง เพราะสิ่งที่ฟรอนทอลต้องการพิสูจย์คือ ต้องการพิสูจย์ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อเป็นสิ่งยืนยัน ตัวตนของตนเอง ซึ่งอันที่จริงหลังใช้ไซโคชาร์จ ฟรอนทอลน่ะชนะไปแล้ว จะบ่นบานาน่าให้เป็นปุ๋ยก็ทำได้แต่ไม่ทำ แต่เกลี้ยกล่อมแทนเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นถูกต้อง เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงการดำรงค์อยู่ของตนเอง
แต่ตอนหลังถึงมาสำนึกได้ว่า หน้าที่ของตนจริงๆมันจบไปแล้ว จากบทสัมพาษ เขาว่าฟรอนรับรู้ได้ว่าหน้าที่ของตนมันเปลี่ยนไปแล้ว จากผู้รับ จะต้องแปลเปลี่ยนมาเป็นผู้ให้แทน และถ่ายทอดให้คนรุ่นหลัง เหมือนกับเด็กไปสู่ผู้ใหญ่ ซึ่งหน้าที่ของเขามันจบลงไปแล้วและเป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวต่อมา เลยฝากฝังบานาน่า แล้วไปสู่สุขคติเอง
ซึ่งแรกเริ่มเดิมที ดีไซน์หุ่นของฟรอนทอลจะไม่ใช่เนโอซีอองค์ แต่เพื่อสะท้อนภาพ "ความไม่สมบูรณ์ของตัวตน" คอนเซปหุ่นใหม่แรกเริ่มคือความไม่สมบูรณ์ จนตอนหลังมีสตาฟคนนึงของคาโตกิบอกว่า จิอองค์ เลยกลายเป้นเนโอจิอองค์อย่างที่เห็นซึ่งเจ้าที่เฮียแกว่ามา ดูวนมา 3-4 รอบก็ไม่เข้าใจหรอก(เว้ย) ถ้าไม่ออกมาเฉลยเอง
ซึ่งก็อย่างที่บอก R-Reco นี่น่าจะเฮือกสุดท้ายของลุงโทมิโน่แล้วมั๊ง เปลี่ยนหน้าที่ของตนเองมาเป็นผู้ฝากฝังให้กับคนรุ่นใหม่ๆ เหมือนคอนเซฟที่กล่าวมาด้านบน
ซึ่งการนำเสนอแบบไม่ยอมบอกอะไรเลยนี่ รอดูกันไปก่อนดีกว่านะ อย่างภาค V Gundam ก็เปลี่ยนยุคเหมือนกัน เปลี่ยนฝ่ายเกือบหมด แล้วมาเฉลยเอาตอนหลัง
ซึ่ง Back story ทั้งหมดเอามายัดกันรวดเดียวตั้งแต่ต้นๆ คนดูอาจจะเบื่อกันซักก่อน ต้องมีกั๊กๆเอาใว้บ้าง
แต่อย่างว่า G-Reco นี่ดูเนื้อหาจริงๆ ส่วนบิลด์ไฟเตอร์นี่ดูฉากบู๊ ถ้าดูวนรอบสองนี่ บิลด์ไฟเตอร์ช่วงเนื้อเรื่องดูผ่านๆ มาตั้งใจดูตอนบู๊
ส่วน G-Reko ถ้าดูรอบสองแทบจะหยุดดูทุกจุดที่ตัสวละครคุยกัน ไม่งั้นไม่รู้เรื่อง อ่านเสร็จต้องตีความด้วย เพราะเราไม่รู้ที่มาที่ไปประวัติศาสตร์รวมถึงเทคโนโลยีของโลกนั้นเหมือนตัวละครในเรื่อง
ส่วนการนำสเนอที่ชวนมึนที่สุดคงไม่พ้นเอวาภาคมูวี่น่ะแหล่ะ ขนาดสาวกช่วยกันตีความยังเสียงแตกเลย อาร์ตเกินจะเข้าใจ
ส่วนตัวเรื่องการนำเสนอแนวนี้นี่ ชินชาตั้งแต่ Dark Souls ละ ....... เล่นจบไปปีกว่า พึ่งจะมีคนช่วยกันแกะ lore ออกมา หลังจากที่เล่นจนจบมาพออ่านเนื้อเรื่องที่คลายคนพยายามประติดประต่อกันแล้วเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ นี่ตรูโดนหลอกใช้มาตั้งปีกว่าเลยเรอะ
ซึ่งคอมมูนิตี้ดาร์คโซลช่วยกันแกะ และประติดประต่อกันเอาเอง ซึ่งหลังเกมส์ออกทีมงานผู้สร้างเกมส์ก็ปิดปากเงียบไม่เคยบอกอะไรเลย ถ้าทีมแกะประวัติศาสตร์นี่ท้อเลิกทำกันไปก่อนชาตินี้ทั้งชาติ ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของเกมส์นี้ก็ไม่มีทางเปิดเผยสู่สาธารณะชน กลายเป็นประวัติศาสตร์มืดที่ถูกปกปิดเหมือนชื่อเกมส์
ขนาดภาค 2 ออกมา ทุกคนรู้เตรียมตัวแกะและประติดประต่อเนื้อเรื่อง ยังใช้เวลากว่า 3-4 เดือนในการช่วยกันหาหลักฐาน และตีความฉากจบ พอ DLC มาก็ต้องมานั่งเก็บหลักฐานแล้วมาตีความกันใหม่อีกด้วยซ้ำ
พอมาเกมส์ Bloodborne มีคนไปกริชเกมส์จนไปต่อเกินเดโม่ได้ แล้วไปเจอคำพูดคำเดียวที่หลุดมาว่า "Umbasa" แค่นี้แฟนๆแกะรอยประวัติศาสตร์ก็ตัวสั่นกันระริกระรี้แล้ว