สวัสดีครับ
ว่างเว้นจากเรือไปเสียปีกว่า คิดถึงกลิ่นไอทะเลไม่หายครับ ต้องกลับมาลงน้ำสู่รากเหง้าเดิมของครูชนบทอีกครั้ง
ครั้งนี้ขอนำเสนอ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ Kursk ครับ
ภาพประกอบ shiphunters.com
เพื่อน ๆ คงจะเคยได้ยินข่าวคราวอันโด่งดังของ Kursk จากหนังสือพิมพ์ หรือข่าวโทรทัศน์เมื่อราวสิบปีก่อนนะครับ ว่าเรือลำนี้เกิดอุบัติเหตุจมลงแถวทะเลบาแรท ในความลึกเกือบ 100 เมตร ข่าวคราวครั้งนั้นทำให้เกิดกระแสหวาดกลัวเรือดำน้ำรัสเซียไปทั่ว (ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยมีข่าวว่า เรือดำน้ำชั้น “กิโล” จะเกิดในเมืองไทย เล่นเอาคนนอกวงการแหยงเรือรัสเซียไปเป็นแถวเสียแฟนคลับไปมิใช่น้อย ซึ่งตัวผมเองนั้น สมัยนั้นก็ติดตามข่าวนี้จากสื่อต่าง ๆ ทุกวันเลยทีเดียว
มาดูที่มาที่ไปกันก่อนนะครับ
Kursk “เคิร์ส” หรือ คูสท์ แล้วแต่จะเรียก (ปกติผมเรียก คูสท์ แต่หนังสือบางเล่มเรียก เคิร์ส ผมเชื่อหนังสือล่ะกัน) เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพเรือรัสเซีย ใน Project 949A หรือนามเรียกขานของ NATO จะเรียกเรือดำน้ำใน Project นี้ว่าชั้น Oscar II มีพี่น้องทั้งหมด 11 ลำ เรือมีขนาดใหญ่มาก แต่ก็ยังเล็กกว่า Typhoon (หรือในหนังของทอม เคลนซี เรือชั้นไต้ฝุ่นคือเรือเรด อ๊อคโทเบอร์) ยาวตลอดลำ 154 เมตร กว้าง 18.2 เมตร สูง 9 เมตร ระวางขับน้ำปกติ 13,900 ตัน (ผิวน้ำ) ระวางขับน้ำเต็มที่ 18,900 ตัน (ใต้น้ำ) มีพลประจำเรือ เป็นนายทหาร 44 คน ลูกเรือ 68 คน ใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ OK-650b 2 เครื่อง เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ 2 เครื่อง ใช้เพลาใบจักร 2 เพลา ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 32 น๊อต สามารถดำน้ำได้ลึกตั้งแต่ระดับ 300 เมตร – 1000 เมตร เลยทีเดียว
ระบบอาวุธของเธอกันบ้าง เธอติดอาวุธนำวิถี SS-N-19/P-700 Granit ที่มีระยะยิง 625 กม. 24 ลูก ติดหัวรบได้สารพัดแบบ (รวมไปถึงหัวรบนิวเคลียร์ด้วย) พร้อมท่อยิงตอร์ปิโดขนาด 533 มม. จำนวน 4 ท่อ และตอร์ปิโดแบบ 650 มม. อีก 2 ท่อยิง ขึ้นระวางประจำการเมื่อปี 1994 นี่เอง ใหม่ถอดด้าม
สำหรับอุบัติเหตุของ Kursk นั้น เกิดขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2543 (ปี 2000 ที่เรากลัวปัญหา Y2K กันไงครับ) ในทะเลบาแรท Kusrk ประสบอุบัติเหตุระหว่างการฝึก และจมลงพร้อมลูกเรืออีก 118 คน ซึ่งในตอนแรกนั้น ชาวโลกแทบจะไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงในการจมของ Kursk เลย ทะเลบาแรทนั้น อุณหภูมิน้ำเย็นจัด เมื่อเรือดำน้ำจมลง ผู้บังคับการเรือได้สั่งปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ทำให้เรือไม่สามารถใช้ระบบปรับอากาศภายใต้สภาวะน้ำเย็นจัดเช่นนั้นได้ ที่จริงแล้ว Kursk เป็นเรือดำน้ำที่ทันสมัยที่สุดของรัสเซีย แต่พอเกิดอุบัติเหตุ กลับไม่สามารถใช้ความไฮเทคเหล่านั้นได้ ทำให้ลูกเรือต้องเคาะเหล็กในลำเรือเป็นรหัสให้เรือภายนอกจับสัญญาณได้แทน (เห็นไหมครับ ในหนังเรือดำน้ำ แค่เสียงร้องเพลงในเรือ ก็บ่งบอกตำแหน่งของเรือได้จริง ๆ พนักงานโซน่าร์นี่ หูเทพ จริง ๆ)
ภาพตำแหน่งที่ kursk จม
ภาพเทียบระดับความลึกกับหอไอเฟล
ภาพขนาดและส่วนต่าง ๆ ของเรือครับ
ทางการรัสเซียแจ้งว่า เรือระเบิดระหว่างการฝึกซ้อม เรือได้รับความเสียหายที่หัวเรือ แต่เตาปฏิกรณ์ไม่ได้รับความเสียหาย รวมถึงท่อเก็บอาวุธนำวิถีด้วย แต่หัวเรือบางส่วนหลุดหายไป และที่สำคัญ วันฝึกซ้อมนั้น เรือไม่ได้โหลดอาวุธนำวิถีไป (จริงหรือเปล่า)
แต่ขณะนั้น คนทั้งโลกปั่นป่วนไปหมดแล้ว เกิดความวิตกกังวลถึงการรั่วไหลของนิวเคลียร์ บ้างก็ว่าเรือ Kursk ชนกับเรือดำน้ำของ NATO (แล้วทำไม Kursk จมแค่ลำเดียว) สาเหตุที่แท้จริงก็ยังต้องรอข้อสันนิษฐานกันต่อไป จนกว่าจะกู้เรือขึ้นมาได้
ภาพจำลองลักษณะการจมของเรือ
ภาพแสดงแนวคิดการกู้เรือ
การกู้เรือเต็มไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบริเวณนั้นน้ำลึกถึง 100 เมตร การยกเรือขนาด 18,900 ตันขึ้นมาเหนือผิวน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แล้วยังต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อช่วยเหลือลูกเรือที่คาดว่าจะรอดชีวิต โดยหน่วยกู้ภัยอังกฤษและนอร์เวย์ ทำงานกันอย่างหนัก แต่พวกเขาเข้าไปช้าเกินไป
เนื่องจากลูกเรือ 118 ชีวิต ไม่มีใครรอดเลยสักคนเดียว พวกเขาจมไปพร้อมกับเรือสมกับเป็นชายชาติทหารเรือ
ภาพตอนลากเรือเข้าอู่ลอย
แต่ในที่สุด ก็มีข้อสรุปใหม่ จากศูนย์ Blacknest Seismic Research Centre ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการลับของอังกฤษที่ทำการตรวจสอบการทดลองนิวเคลียร์ทั่วโลก ได้ตรวจสอบความสั่นสะเทือนและคลื่นสะท้อนใต้พื้นพิภพ ได้ตรวจพบคลื่นเสียงบริเวณทะเลบาแรท บริเวณที่ Kursk จม เป็นคลื่นเสียงการระเบิดใต้น้ำ ก่อนที่ตอร์ปิโดในเรือจะระเบิดเป็นเวลา 2 นาที 30 วินาที ที่ตอนแรกเชื่อกันว่า เป็นเสียงที่เกิดจากการชนกันของวัตถุใต้น้ำ แต่ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่
เนื่องจากเสียงระเบิดใต้น้ำ กับวัตถุชนกันใต้น้ำ มันมีคลื่นเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เรือดำน้ำไม่ได้ชนกันแน่นอน
ข้อสันนิษฐานใหม่นี้จึงมุ่งไปที่ตอร์ปิโดในเรือเกิดการระเบิดขึ้น เนื่องจากตอร์ปิโดของรัสเซียนั้นมีโครงสร้างที่แตกต่างจากตอร์ปิโดของโลกตะวันตกมาก ตอร์ปิโดนั้นทำงานใต้น้ำ ดังนั้นการที่จะให้เครื่องยนต์หมุนใบจักรทำงานได้นั้น มันต้องใช้อ๊อกซิเจน ซึ่งรัสเซียใช้ “ไฮโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์” เป็นตัวให้อ๊อกซิเจนแก่เครื่องยนต์ของตอร์ปิโด ซึ่งปกติสารตัวนี้ไม่ติดไฟ แต่มันจะทำปฏิกิริยากับโลหะอย่างรุนแรงและทำให้เกิดก๊าซอ๊อกซิเจน ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญจึงให้ความเห็นว่า การเกิดการรั่วไหลของสารตันี้ และทำให้เกิดปฏิกิริยากับโลหะในเรือ ทำให้เกิดประกายไฟและเกิดการระเบิดขึ้นในที่สุด
ภาพหัวเรือหายไปตั้ง 151 ฟุต
ภาพสภาพตัวเรือ
ภาพความเสียหายภายใน ถูกหลอมละลายเพราะความร้อนสูงมาก ๆ ครับ
สรุปสาเหตุที่แท้จริงคือ วันนั้น Kursk ได้ฝึกซ้อมในทะเล แล้วทดลองยิงอาวุธนำวิถีครุยส์รุ่นใหม่แบบ VA-111 Shkval ซึ่งการยิงดังกล่าว ทำให้เกิดแรงดันสูงมากภายในตัวเรือ ประกอบกับไฮโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์ที่ใช้กับตอร์ปิโดเกิดรั่ว ทำให้เกิดการระเบิดลามไปสู่คลังอาวุธในเรือ ทำให้หัวเรือเปิดออก น้ำเข้าท่วมเรือ ลูกเรือที่เหลือต้องหนีเข้าไปอยู่ส่วนท้ายเรือ แต่ก็ต้องเสียชีวิตทั้งหมดเพราะอากาศภายในเรือเป็นพิษ
ขอสดุดีลูกเรือทุกท่านครับ
หมายเหตุ ภาพประกอบผมจำไม่ได้แล้วว่าเอามาจากเวบไหนนะครับ เซฟข้อมูลเก็บไว้นานแล้ว
มาถึงตัวโมเดลกันบ้าง โมเดลตัวนี้ เป็นโมเดลขนาด 1/700 ของทามิย่าครับ เรียกว่าเกิดเหตุการปุ๊บ ทามิย่าเตรียมออกโมปั๊บ เพราะโมตัวนี้ผลิตออกมาขายในปี 2001 ในแบบ Water line Series (มีแต่ตัวเรือเหนือแนวน้ำ) ขนาดเรือยาวประมาณ 22 ซม. กำลังเหมาะมือ มีชิ้นส่วนแผงเดียวเท่าที่เห็นในภาพนั่นล่ะครับ
ผมใช้เวลาประกอบโมตัวนี้ ประกอบอย่างเดียวใช้เวลานานถึง “10 นาที” ครับผม สิบนาทีจริง ๆ เรียกว่ากาแฟในแก้วที่ผมชงไว้ยังไม่ทันหายร้อนเลยด้วยซ้ำ พลาสติกคุณภาพดีมาก ๆ การต่อลงตัวเป๊ะ ๆ ไม่ต้องอุดขัดอะไรกันเลยสักที่เดียว
แต่ที่นาน คือการทำสีครับ ผมใช้เวลาทำสีโมตัวนี้ถึงสองวัน วันแรก พ่นสีรองพื้น Mr.Surfacer 1200 รองพื้นไป 1 รอบ จากนั้นตามคู่มือให้ใช้สี XF1 ของทามิย่า ไอ้เรามันสาวก Gunze ผมเลยจัดแจงเทียบสีมาได้เป็นสีดำด้านเบอร์ 33 พ่นนำไปก่อน 1 รอบ รอให้แห้งสนิท ผมจึงใช้เทคนิค Modulation คือบังพื้นที่บางส่วนพ่นด้วยสีโทนอ่อนบ้าง แก่บ้าง เพื่อไล่สร้างมิติ เช่น ส่วนของท่อยิงอาวุธนำวิถีจำนวน 12 ช่องบริเวณข้างตัวเรือ บริเวณแผ่นเหล็กรอยต่อต่าง ๆ ทามิย่าทำมาละเอียดมากครับ ลายเส้นเหมือนของจริงเลย (แต่ร่องใหญ่กว่า) พ่นอยู่หลายรอบครับกว่าจะพอใจ รอบสุดท้าย เอาสีเบอร์ 33 นี่แหละ ผสมจาง ๆ พ่นคลุมโทนสีอีกรอบหนึ่ง จากนั้นพ่นเคลียร์มันเบอร์ 46 ทับ เพื่อรอติดดีคอล
ดีคอลมีแค่นิดเดียวครับ เลือกทำได้ 3 ลำ ผมเลือก Kursk ตามหน้ากล่อง เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพวกเขา รอให้แห้ง ผมจึงพ่นเคลียร์ด้านทับอีก 1 รอบเป็นอันเสร็จครับ
ท้ายนี้ ขอขอบคุณ
1. พี่เอกวิทย์ครับ ซื้อสีเบอร์ 33 ส่งไปรษณีย์มาให้ (สองขวดสุดท้าย) ถึงได้มีทำเรือลำนี้กับเขา
2. พี่อาตมา คนนี้จุดไฟให้ เพราะพี่แกทำเรือดำน้ำบ่อยเหลือเกิน Kursk นี่ก็สั่งมาพร้อมกับเรือดำน้ำชั้น GATO ของแกเหมือนกัน
ยินดีน้อมรับคำติชมจากทุกท่านครับ
ด้วยจิตคารวะ
ครูชนบท